วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556



 โครงสร้างของผลเมื่อรังไข่เปลี่ยนแปลงกลายเป็นผล ผนังรังไข่จะเปลี่ยนเป็นเพริคาร์ป (pericarp) ห่อหุ้มเมล็ดอยู่ภายใน เพริคาร์ปของผลแต่ละชนิดมีลักษณะแตกต่างกัน ประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชั้น ได้แก่ เอกโซคาร์ป มีโซคาร์ปและเอนโดคาร์ป
            1.1 เอกโซคาร์ป (exocarp) เป็นชั้นนอกสุดของผลที่มักเรียกว่าเปลือก โดยทั่วไปประกอบด้วยเนื้อเยื่อเอพิเดอร์มิสเพียงชั้นเดียว แต่ก็มีผลบางชนิดที่เอกโซคาร์ประกอบด้วยเนื้อเยื่อหลายชั้นและอาจมีปากใบด้วย เอกโซคาร์ปของพืชแต่ละชนิดจะมีลักษณะแตกต่างกันไป เช่น เรียบเหนียว เป็นมัน ขรุขระ อาจมีหนาม มีขนหรือต่อมน้ำมัน
            1.2 มีโซคาร์ป (mesocarp) เป็นชั้นกลางถัดจากเอกโซคาร์ปเข้ามา ผลบางชนิดนั้นมีโซคาร์ปหนา บางชนิดบางมาก มีโซคาร์ปของผลบางชนิดเป็นเนื้ออ่อนนุ่มใช้รับประทานได้
            1.3 เอนโดคาร์ป (endocarp) เป็นชั้นในสุดของเพริคาร์ป ประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่มีความหนาชั้นเดียวหรือหลายชั้นจนมีลักษณะหนามาก บางชนิดเป็นเนื้อนุ่มใช้รับประทานได้

         เพริคาร์ปของผลแต่ละชนิดจะแตกต่างกันไป ผลบางชนิดมีเพริคาร์ปเชื่อมติดกันจนแยกไม่ออก เช่น ข้าวโพด ถั่วเขียว ถั่วเหลือง บางชนิดส่วนเอกโซคาร์ปและมีโซคาร์ปเชื่อมติดกันหรือแยกกันไม่เด่นชัด เช่น มะเขือเทศ มะละกอ ฟัก แต่เพริคาร์ปของพืชอีกหลายชนิดสามารถแยกเป็น 3 ชั้นชัดเจน เช่น มะม่วง พุทรา มะพร้าว มะปราง
        ผลที่กำเนิดมาจากรังไข่แบบอินฟีเรีย เช่น แตงกวา ฟักทอง ทับทิมและฝรั่ง มีเปลือกนอกเป็นผนังของฐานดอก ส่วนเพริคาร์ปจะอยู่พัดเข้าไปและมักเชื่อมรวมกันจนสังเกตยาก ผลบางชนิดมีส่วนเนื้อที่รับประทานได้เจริญมาจากฐานดอกซึ่งอวบเต่งเจริญเป็นเนื้อผล เช่น แอปเปิ้ล ส่วนที่เป็นเพริคาร์ปจริง ๆ จะอยู่ข้างใน เนื้อของผลชนิดนี้เรียกว่า ซูโดคาร์ป (seudocarp)
เมล็ดพืชบางชนิด เช่น ข้าว ข้าวโพด ทานตะวัน ดาวเรือง ผักกาดหอม ส่วนที่เรียกว่า เมล็ดนั้นแท้จริงแล้วคือผล ซึ่งเป็นผลที่มีขนาดเล็ก มีเพริคาร์ปบางมากแนบสนิทกับเยื่อหุ้มเมล็ด ดังในกรณีของบัว ส่วนของแกลบก็คือเพริคาร์ป รำคือส่วนเยื่อหุ้มเมล็ดและข้าวสารที่ใช้รับประทานคือ เอนโดสเปิร์ม

                                                                                                                                                                            


                                                      โครงสร้างภายในผลไม้ชนิดหนึ่ง
                  ที่มาของภาพนี้
http://www.dnp.go.th/botany/BFC/image/fruit_structure.gif
                       ที่มาของเนื้อหา  http://web.debsirin.ac.th/inkyman/plant/5-2.html






หน้าที่ของเมล็ด
                เมล็ดมีหน้าที่ในการแพร่พันธุ์  โดยวิธีการต่าง ๆ  ตามลักษณะเมล็ดพืช เช่น  อาศัยลม  น้ำ  คน สัตว์  การดีดกระเด็นของเมล็ดพืชเมื่อเมล็ดพืชแตก
                เมล็ดเมื่อได้รับความชื้น(น้ำ)  อากาศ  อุณหภูมิที่พอเหมาะ  เมล็ดจะงอกเป็นต้นใหม่  และเจริญเติบโตออกดอก  ผล  และเมล็ดวนเวียนเช่นนี้ ตลอดไป
                                          
                                                                     ภาพ เมล็ดทานตะวัน
ที่มาของภาพนี้
http://km.sadet.ac.th/file/napat_d/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%991.jpg
                                    ที่มาของเนื้อหา  http://student.nu.ac.th/duangjai/lesson7.htm




 


      
                                                                 ภาพ ผลไม้ชนิดต่างๆ
               ที่มาของภาพนี้ 
http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/374/25374/images/pic1.jpg
ชนิดของผล
        การจำแนกประเภทของผล สามารถกระทำได้โดยอาศัยลักษณะต่าง ๆ ของผลเป็นหลักในการจำแนก ได้แก่ โครงสร้างของดอกที่เจริญกลายเป็นผล จำนวนและชนิดของรังไข่ จำนวนคาร์เพลในรังไข่ ลักษระของเพริคาร์ปเมื่อผลแก่ ลักษณะการแตกหรือไม่แตกของเพริคาร์ปเมื่อแก่ ตลอดจนส่วนอื่น ๆ ของดอกที่เจริญเป็นส่วนประกอบของผล
            1 ผลเดี่ยว (simple fruit) คือผลที่เจริญมาจากรังไข่อันเดียวภายในดอกหนึ่ง ๆ รังไข่นี้อาจประกอบด้วยคาร์เพลเดียวหรือหลายคาร์เพลเชื่อมกัน ดอกเป็นชนิดดอกเดี่ยวหรือช่อดอกก็ได้ผลเดี่ยวยังสามารถจำแนกตามลักษณะของเพริคาร์ปได้เป็น ผลสดและผลแห้ง
                1.1 ผลสด (fleshy fruit) เป็นผลเดี่ยวที่เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วมีเนื้อนุ่มและสดจำแนกได้ดังนี้
                        1) ดรูป (drupe) เป็นผลสดชนิดที่เพริคาร์ปแบ่งเป็น 3 ชั้น เอนโดคาร์ปแข็งมากอาจเรียกว่า สโตนฟรุต (stone fruit) เอนโดคาร์ปมักติดกับเปลือกหุ้มเมล็ดซึ่งมีอยู่เมล็ดเดียวมีโซคาร์ปเป็นเนื้อนุ่มหรือเป็นเส้นเหนียว ๆ ส่วนเอกโซคาร์ปเรียบเป็นมัน มีคาร์เพลเดียวหรือหลายเคร์เพล เช่น มะม่วงพุทรา มะปราง มะกอก มะพร้าว ตาล เชอรี่ ท้อ
                        2) เบอรี (berry) เป็นผลสดที่มีเพริคาร์ปอ่อนนุ่ม เอกโซคาร์ปเป็นผิวบาง ๆ มีโซคาร์ป และเอนโดคาร์ปรวมกันแยกได้ไม่ชัดเจน เช่น มะเขือ มะเขือเทศ พริก องุ่น กล้วย ฝรั่ง

                        3) เพโป (pepo) เป็นผลสดที่มีลักษณะคล้ายเบอรี แต่มีเปลือกนอกหนาเหนียวและแข็ง เจริญมาจากฐานดอกเชื่อมรวมกับเอกโซคาร์ป ชั้นมีโซคาร์ปและเอนโดคาร์ปเป็นเนื้อเยื่อนุ่ม ผลชนิดนี้มักเจริญมาจากดอกที่มีรังไข่แบบอินฟีเรีย เช่น ฟัก แฟง แตงกวา น้ำเต้า บวบ มะตูม
                        4) เฮสเพริเดียม (hesperidium) เป็นผลสดที่มีเอกโซคาร์ปค่อนข้างแข็งและเหนียว มีต่อมน้ำมันมาก เปลือกประกอบด้วยเอกโซคาร์ปและมีโซคาร์ปซึ่งติดกันและมองเกือบไม่เห็นรอยแยก แต่ชั้นมีโซคาร์ปจะมีสีขาวและไม่ค่อยมีต่อมน้ำมัน เอนโดคาร์ปเป็นเยื่อบาง ๆ หุ้มเนื้อ บางส่วนจะเปลี่ยนไปเป็นขนหรือถุงสำหรับเก็บน้ำ (juice sac) ซึ่งเป็นเนื้อที่ใช้รับประทาน เช่น ส้ม มะนาว มะกรูด

                        5) โพม (pome) เป็นผลสดที่เจริญมาจากดอกที่มีรังไข่แบบอินฟีเรีย มีหลายคาร์เพล เนื้อผลส่วนใหญ่มาจากฐานดอกหรือส่วนฐานของกลีบดอก กลีบเลี้ยงและก้านเกสรตัวผู้ซึ่งเชื่อมติดกัน โอบล้อมผนังรังไข่ เนื้อส่วนน้อยที่อยู่ด้านในเกิดจากเพริคาร์ป ส่วนเอนโดคาร์ปจะบางหรือมีลักษณะกรุบ ๆ คล้ายกระดูกอ่อน เช่น แอปเปิล สาลี่ ชมพู่
                        6) แอริล (arill) เป็นผลสดซึ่งเนื้อที่รับประทานได้เรียกว่าแอริล เจริญมาจากส่วนของเมล็ดซึ่งเจริญออกมาห่อหุ้มเมล็ด (outgrowth of seed) และมีเพริคาร์ปเป็นเปลือกห่อหุ้มอยู่ชั้นนอกอีกชั้นหนึ่ง เช่น เงาะ ลำไย

                1.2 ผลแห้ง (dry fruit) เป็นผลเดี่ยวที่เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วเพริคาร์ปจะแห้งจำแนกย่อยเป็นผลแห้งแตกเองได้และผลแห้งแล้วไม่แตก
                      1) ผลแห้งแตกเองได้ (dehiscent dry fruit) เป็นผลที่เมื่อแก่แล้วเพริคาร์ปจะแห้งและแตกได้ จำแนกย่อยได้ดังนี้
                                 - เลกูม (legume) เป็นผลที่เกิดจากดอกที่มีรังไข่คาร์เพลเดียว ภายในมีเมล็ดมากติดอยู่ด้านข้างผล เมื่อผลแก่จะแตกออกเป็นสองซีกตามรอยตะเข็บ เช่น ถั่ว แค กระถิน ชงโค
                                 - ฟอลลิเคิล (follicle) เป็นผลที่เกิดจากดอกที่มีรังไข่คาร์เพลเดียว ภายในมีเมล็ดมาก เมื่อผลแก่จะแตกตามรอยตะเข็บเพียงด้านเดียว เช่น รัก ขจร ยี่หุบ ลั่นทม แพงพวย แมกคาเดเมีย
                                 - แคปซูล (capsule) เป็นผลที่เกิดจากดอกที่มีรังไข่หลายคาร์เพลมาเชื่อมกัน เมื่อผลแก่จะแตกตามรอยหรือมีช่องเปิดให้เมล็ดออก จำแนกตามการแตกของผลได้ดังนี้
                                 - โลคูลิซิดัลแคปซูล (loculicidal capsule) เป็นผลที่แตกออกตรงกลางพูหรือกึ่งกลางของคาร์เพล เช่น ทุเรียน ตะแบก อินทนิล ฝ้าย
                                 - เซปทิซิดัลแคปซูล (septicidal capsule) เป็นผลที่แตกตรงผนังกั้นพู (septum) หรือแนวเชื่อมระหว่างคาร์เพล เช่น กระเช้าสีดา

                                 - เซอร์คัมเซสไซล์แคปซูล (circumessile capsule) เป็นผลที่แตกเป็นวงรอบ ๆ ผลตามขวาง มีลักษณะคล้ายฝาเปิด เช่น หงอนไก่ แพรเซี่ยงไฮ้
                                 - ซิลิก (silique) เป็นผลที่เกิดจากรังไข่ที่มีสองคาร์เพลติดกัน เมื่อผลแก่เพริคาร์ปจะแตกตรงกลางตะเข็บโดยเริ่มจากก้านขึ้นไปสู่ปลายเป็นสองซีก เหลือผนังบาง ๆ (septum) ติดก้านอยู่ เช่น ผักกาด ผักเสี้ยน ต้อยติ่ง
                                 - ซิโซคาร์ป (schizocarp) เป็นผลที่เกิดจากรังไข่ที่มีหลายคาร์เพล เมื่อแก่จะแตกออกเป็นสองซีก แต่ละซีกเรียกว่า เมริคาร์ป (mericarp) และมีเมล็ดอยู่ภายในซีกละเมล็ด เช่น ผักชี ยี่หรา ขึ้นฉ่าย แครอต

                      2) ผลแห้งแล้วไม่แตก (indehiscent dry fruit) เป็นผลที่เมื่อแก่แล้วจะไม่แตกออกเอง โดยปติมีเมล็ดน้อยเพียง 1 - 2 เมล็ดเท่านั้น จำแนกย่อยได้ดังนี้
                                 - เอคีน (achene) เป็นผลขนาดเล็ก มีเมล็ดเดียว เพริคาร์ปแข็ง ไม่เชื่อมรวมติดกับเปลือกหุ้มเมล็ด นอกจากตรงก้านฟันนิคิวลัสเท่านั้น เช่น ทานตะวัน ดาวเรือง บางชื่น ดาวกระจาย
                                 - ซารามา (samara) เป็นผลที่มีส่วนของเพริคาร์ปแผ่ออกเป็นแกแบน ๆ บาง ๆ เพื่อให้ลอยไปกับลมได้ มี 1 - 2 คาร์เพล แต่ละคาร์เพลมีเมล็ดเดียว เช่น ประดู่ ตะเคียน
                                 - คาริออปซิส (caryopsis) เป็นผลที่มีขนาดเล็ก มีเมล็ดเดียวคล้ายเอคีน แต่เพริคาร์ปเชื่อมรวมกันแน่นกับเปลือกหุ้มเมล็ดโดยตลาด เช่น ข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลี
                                 - โลเมนตัม (lomentum) เป็นผลที่มี่ลักษณะคล้ายเลกูม มีคาร์เพลเดียว หักเป็นข้อ ๆ ได้ตามขวาง แต่ละข้อมีเมล็ดเดียว ผลชนิดนี้มักเป็นฝักยาว เช่น จามจุรี คูน มะขาม

           2.2 ผลกลุ่ม (aggregate fruit) คือผลที่เจริญมาจากหลาย ๆ รังไข่ที่อยู่ในดอกเดียวกัน โดยอยู่บนรากฐานดอกเดียวกัน รังไข่แต่ละอันจะเจริญเป็นผลย่อยหลาย ๆ ผล บางชนิดผนังรังไข่แต่ละอันอยู่อัดกันแน่นจนผนังเชื่อมรวมกันทำให้ดูคล้ายเป็นผลเดี่ยว เช่น น้อยหน่า สตรอเบอรี่ แต่บางชนิดแม้ผนังรังไข่จะอัดกันแน่นแต่จะไม่เชื่อมรวมกัน เช่น ลูกจาก นอกจากนี้ผลกลุ่มบางชนิดจะแยกเป็นผลเล็ก ๆ หลายผลอยู่บนฐานดอกเดียวกัน เช่น กระดังงา การะเวก นมแมว จำปี จำปา สำหรับสตรอเบอรีนั้นเนื้อที่รับประทานเจริญมาจากฐานดอกซึ่งเชื่อมรวมกันแล้วมีผลย่อย ๆ ซึ่งเป็นผลเดียวชนิดเอคีนติดอยู่ผิวนอก
           2.3 ผลรวม (multiple fruit) คือผลที่เจริญมาจากกลุ่มรังไข่ของช่อดอกซึ่งเชื่อมรวมกันแน่นบนฐานดอกหรือก้านดอกรวมเดียวกัน รังไข่เหล่านี้จะกลายเป็นผลย่อย ๆ และเชื่อมกันแน่นจนเป็นผลรวมหนึ่งผล บางชนิดอาจมีส่วนอื่น ๆ ของดอก ได้แก่ ฐานดอก กลีบดอก กลีบเลี้ยงและยอดเกสรตัวเมียเจริญควบคู่มากับรังไข่แล้วกลายเป็นส่วนของผลด้วย เช่น สับปะรด ขนุน ยอ สาเก
สับปะรดเป็นผลรวมที่มีส่วนที่เป็นไส้กลางเจริญมาจากแกนกลางของช่อดอกชนิดสไปก์เนื้อที่รับประทานส่วนนอก ๆ เกิดจากรังไข่โดยมีส่วนโคนเชื่อมกันแน่น เนื้อส่วนในเกิดจากแกนของช่อดอก ส่วนที่เป็นแผ่นคลุมตาคือใบประดับ
ผลขนุน สาเกและยอ มีซังและเนื้อเป็นส่วนกลีบรวม (tepal) ยอดเกสรตัวเมียจะกลายเป็นแผ่นติดกันเป็นส่วนผิวและหนามที่หุ้มผลไว้
 
                                 ที่มาของเนื้อหา
http://web.debsirin.ac.th/inkyman/plant/5-3.html

วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน


ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน

10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน

มีสาระมาเยอะ มาดูความรู้เพิ่มเติมบ้าง
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก treknature.com , angkorandpeople.com , philamfood.com ,myanmars.net  


          เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น การรวมตัวกันของประชาคมอาเซียน 10 ประเทศ ก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว (พ.ศ.2558) เพื่อผนึกกำลังในการพัฒนาแต่ละประเทศให้เจริญก้าวหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีประเทศไทยกับเขาด้วย วันนี้ กระปุกดอทคอม จึงมีข้อมูลเบา ๆ เกี่ยวกับดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของชาติอาเซียนในแต่ละประเทศมาฝากกันเพื่อเพิ่มเติมความรู้ ว่าแต่จะมีดอกไม้อะไรบ้าง อย่ารอช้ารีบไปดูกันเลย..

10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน

 1. บรูไนดารุสซาลาม (Brunei Darussalam) : ดอกซิมปอร์

          ดอกไม้ประจำชาติบรูไน ก็คือ ดอกซิมปอร์ (Simpor) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดอกส้านชะวา (Dillenia) ดอกไม้ประจำท้องถิ่นบรูไน ที่มีกลีบขนาดใหญ่สีเหลือง หากบานเต็มที่แล้วกลีบดอกจะมีลักษณะคล้ายร่ม พบเห็นได้ตามแม่น้ำทั่วไปของบรูไน มีสรรพคุณช่วยรักษาบาดแผล หากใครแวะไปเยือนบรูไน จะพบเห็นได้จากธนบัตรใบละ 1 ดอลลาร์ ของประเทศบรูไน และในงานศิลปะพื้นเมืองอีกด้วย


10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน

 2. ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia) : ดอกลำดวน

          กัมพูชามีดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกลำดวน (Rumdul) ดอกไม้สีขาวปนเหลืองนวล กลีบดอกหนาทึบและแข็งเล็กน้อย มีกลิ่นหอมเย็นแบบกรุ่น ๆ ถูกจัดเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งเพราะมีความหมายถึงความสดชื่นหอมกรุ่น และเป็นดอกไม้สำหรับสุภาพสตรี วิธีปลูกที่ถูกต้อง ต้องปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้าน ที่สำคัญต้องปลูกในวันพุธ ด้วยนะ


10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน

 3. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia) : ดอกกล้วยไม้ราตรี

          ดอกไม้ประจำชาติอินโดนีเซีย คือ ดอกกล้วยไม้ราตรี (Moon Orchid) ซึ่งเป็นหนึ่งในดอกกล้วยไม้ที่บานอยู่ได้นานที่สุด โดยช่อดอกนั้นสามารถแตกกิ่งและอยู่ได้นาน 2-6 เดือน โดยดอกจะบานแค่ปีละ 2-3 ครั้งเท่านั้น ทั้งนี้ดอกกล้วยไม้ราตรีสามารถเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้น จึงพบเห็นได้ง่ายในพื้นที่ราบต่ำของประเทศอินโดนีเซีย


10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน

 4. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (The Lao People's Democratic Republic of Lao PDR) : ดอกจำปาลาว

          ดอกไม้ประจำชาติประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างประเทศลาว คือ ดอกจำปาลาว (Dok Champa) คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ ดอกลีลาวดี หรือ ดอกลั่นทม โดยดอกจำปาลาวมักมีสีสันหลากหลาย ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นเพียงสีขาวเท่านั้น เช่น สีชมพู สีเหลือง สีแดง หรือสีโทนอ่อนต่าง ๆ โดยดอกจำปาลาวนั้นเป็นตัวแทนของความสุขและความจริงใจ จึงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อประดับประดาในงานพิธีต่าง ๆ รวมทั้งใช้เป็นพวงมาลัยเพื่อรับแขกอีกด้วย


10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน

 5. ประเทศมาเลเซีย (Malaysia) : ดอกพู่ระหง

          สำหรับประเทศมาเลเซียนั้น มีดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกพู่ระหง (Bunga Raya) ในภาษาท้องถิ่นเรียกกันว่า บุหงารายอ หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ดอกชบาสีแดง ลักษณะกลีบดอกเป็นสีแดง มีเกสรยื่นยาวออกมาเหนือดอก ซึ่งถูกจัดให้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศมาเลเซีย เพื่อเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นและความอดทนในชาติ โดยเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมให้สูงส่งและสง่างาม รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้ในทางการแพทย์และความงามได้อีกด้วย


10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน

 6. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines) : ดอกพุดแก้ว

          ดอกไม้ประจำชาติฟิลิปปินส์ คือ ดอกพุดแก้ว (Sampaguita Jasmine) ดอกมีสีขาวกลีบดอกเป็นรูปดาว มีกลิ่นหอม บานส่งกลิ่นในตอนกลางคืน ถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน รวมถึงความเข้มแข็งอีกด้วย เคยถูกนำมาใช้เฉลิมฉลองในตำนานเรื่องเล่ารวมทั้งบทเพลงของฟิลิปปินส์ด้วยเช่นกัน


10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน

 7. สาธารณรัฐสิงคโปร์ (The Republic of Singapore) : ดอกกล้วยไม้แวนด้า

          ประเทศสิงคโปร์ มี ดอกกล้วยไม้แวนด้า (Vanda Miss Joaquim) เป็นดอกไม้ประจำชาติ โดยดอกกล้วยไม้แวนด้าตั้งชื่อตามผู้ผสมพันธุ์ คือ Miss Agnes Joaquim จัดเป็นดอกกล้วยไม้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในประเทศสิงคโปร์ มีสีม่วงสดสวยงามและเบ่งบานอยู่ตลอดทั้งปี โดยถูกจัดให้เป็นดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1981 (พ.ศ.2524)


10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน

 8. ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand) : ดอกราชพฤกษ์

          ดอกไม้ประจำชาติไทยของเรา ก็คือ ดอกราชพฤกษ์ (Ratchaphruek) ที่มีสีเหลืองสวยสง่างาม เมื่อเบ่งบานแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่น ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมีเกียรติยศศักดิ์ศรี ซึ่งชาวไทยหลายคนรู้จักกันดีในนามของ ดอกคูน โดยมีความเชื่อว่าสีเหลืองอร่ามของดอกราชพฤกษ์คือสีแห่งพระพุทธศาสนาและความรุ่งโรจน์ รวมทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีปรองดองของคนในชาติอีกด้วย โดยดอกราชพฤกษ์จะเบ่งบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม มีจุดเด่นเวลาเบ่งบานคือการผลัดใบออกจนหมดต้น เหลือไว้เพียงแค่สีเหลืองอร่ามของดอกราชพฤกษ์เท่านั้น


10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน

 9. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The Socialist Republic of Vietnam) : ดอกบัว

          ประเทศเวียดนาม มีดอกไม้ที่คนไทยคุ้นเคยอย่าง ดอกบัว (Lotus) เป็นดอกไม้ประจำชาติ โดยดอกบัวเป็นที่รู้จักกันในนาม “ดอกไม้แห่งรุ่งอรุณ” เป็ญสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี ดอกบัวจึงมักถูกกล่าวถึงในบทกลอนและเพลงพื้นเมืองของชาวเวียดนามอยู่บ่อยครั้ง


10 ดอกไม้ประจำชาติอาเซียน มีอะไรบ้าง...มาดูกัน

 10. สหภาพพม่า (Union of Myanmar) : ดอกประดู่

          ดอกไม้ประจำชาติของประเทศพม่า คือ ดอกประดู่ (Paduak) เป็นดอกไม้ที่พบมากในประเทศพม่า มีสีเหลืองทอง ผลิดอกและส่งกลิ่นหอมในฤดูฝนแรก ช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศพม่ามีการเฉลิมฉลองปีใหม่ขึ้น ชาวพม่าเชื่อว่าดอกประดู่คือสัญลักษณ์ของความแข็งแรง ความทนทาน และเป็นดอกไม้ที่ขาดไม่ได้ในพิธีทางศาสนาของชาวพม่าเลยล่ะ

รู้จักกันไปแล้วสำหรับดอกไม้ประจำชาติอาเซียนทั้ง 10 ชาติ ที่หลายดอกก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดีและเคยเห็นในประเทศไทยอยู่บ้าง หากพบเจอเพื่อนร่วมประชาคมอาเซียนที่แวะมาเยี่ยมเยียนเมืองไทยแล้วล่ะก็ ลองมอบดอกไม้เหล่านี้ให้เพื่อเป็นการต้อนรับ ก็คงจะสร้างความปลื้มใจให้ไม่น้อยอยู่เหมือนกันนะ